วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

10 วิธี ที่จะไปได้ดีกับทุกคน
1.ก่อนจะพูดอะไรกับใคร จงถามตัวเองก่อนว่า:
มันจริงไหม มีเมตตาไหม จำเป็นไหม
ไม่สัญญาพร่ำเพรื่อ แต่สัญญาแล้วถืออย่างซื่อสัตย์
2.อย่าพลาดโอกาสที่จะกล่าวชมหรือให้กำลังใจผู้อื่น
3.อย่าพูดถึงผู้อื่นในแง่ร้าย อย่านินทา และอย่าฟังการนินทา
4.จงพร้อมที่จะให้อภัย จงเชื่อว่าคนส่วนมากก็พยายามทำดีที่สุดเท่าที่สามารถแล้ว
5.จงเปิดใจกว้าง จงถกปัญหา แต่อย่าวิวาท
6.จงนับถึง 1,000 (ไม่ใช่แค่ 10) ก่อนที่จะพูดหรือทำอะไร ที่จะทำให้เรื่องมันเลวร้ายลง
7.ถ้าใครตำหนิท่าน จงดูว่าที่เขาพูดนั้นจริงไหม ถ้าจริงก็แก้ไขเสีย
ถ้าไม่จริงก็แล้วไป และจงดำเนินชีวิตอย่างที่จะไม่ทำให้ใครเชื่อคำใส่ร้ายนั้น
8.จงมีอารมณ์ขัน การหัวเราะเป็นระยะทางที่สั้นที่สุดระหว่างสองคน
อย่าแสวงหาความบรรเทา มากกว่าที่จะบรรเทาใจผู้อื่น
9.อย่าคอยให้คนอื่นเข้าใจเรามากกว่าที่จะเข้าใจผู้อื่น
10.อย่าคอยให้คนอื่นมารัก มากกว่าที่จะรักคนอื่น
ของขวัญจากพระเจ้า....บัญชีธนาคาร
ข้อกำหนดและเงื่อนไข
1.รับฝากเฉพาะความรัก และพระพรในบัญชีเท่านั้น
2.สิ่งที่ดีที่สุดคือ ท่านไม่ต้องเสียอะไรเลย
3.โปรดใช้บัญชีนี้อย่างเต็มที่
4.อัตราดอกเบี้ยคำนวณจากเงินตะลันต์ที่ท่านได้รับ
5.หากท่านทำรหัสนี้หาย ท่านจะสูญเสียทุกสิ่งในวันนี้
6.โปรดฝากสิ่งที่ท่านได้รับในบัญชีของคนอื่นด้วย
7.ขอให้ปัญหาของท่านน้อยลง และได้รับพระพรมากขึ้น
8.ขออย่าให้สิ่งอื่นใดมากล้ำกลายประตูบ้านของท่านนอกจากความสุข

ความคิดนะหรือ

มองในมุมต่างๆ
ความทุกข์ มีไว้เป็นแบบทดสอบความแข็งแกร่งของชีวิต
ความเศร้า หนทางแสดงออกของความทุกข์
ความเหงา เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับการเรียนรู้ตนเอง
ความสุข มิให้เก็บเกี่ยวได้เสมอตลอดเวลา ...แม้กระทั่งในเวลาแห่งทุกข์
ความจริง เป็นสิ่งที่คนใช้กันน้อย....และมักมองผ่าน
ความลวง สิ่งที่หน้าเกลียดที่สุด....แต่คนชอบใช้
ความรัก คือสิ่งที่ดีและสวยงามที่สุดในโลก
มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้ด้วยหัวใจ

สิ่งสำคัญ

สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ศัตรูที่หน้าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา คือ ตัวเราเอง
ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอวดดี
การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา คือ การหลอกลวง
สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอิจฉาริษยา
ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา คือ การยอมแพ้ตนเอง
สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตของเรา คือ การหลอกตัวเอง
สิ่งที่หน้าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา คือ การดูถูกตัวเอง
สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอุตสาหะวิริยะ
ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา คือ ความสิ้นหวัง
ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา คือ สุขภาพที่สมบูรณ์
หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ หนี้บุญคุณ
ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ การให้อภัยและความเมตตา
ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา คือการทำตามใจแบบไร้เหตุผล
สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจมากที่สุด คือ การให้ทาน

คำว่าเพื่อนแท้


เพื่อนแท้....
เพื่อนทั่วไปไม่เคยเห็นคุณร้องไห้
.......เพื่อนแท้มีหัวไหล่ไว้ซับน้ำตาคุณ
เพื่อนทั่วไปจะไม่รู้ชื่อพ่อแม่ของคุณ
.......เพื่อนแท้จะมีเบอร์ของคุณในสมุดจดโทรศัพท์ของเขา
เพื่อนทั่วไปจะถือขวดไวน์มางานปาร์ตี้ของคุณ
.......เพื่อนแท้จะมาแต่วันเพื่อช่วยเตรียมงาน
เพื่อนทั่วไปอยากคุยกับคุณถึงปัญหาของเขา
.......เพื่อนแท้อยากช่วยปัดเป่าปัญหาของคุณออกไป
เพื่อนทั่วไปจะพิศวงในเรื่องโรแมนติกเก่าๆ
......เพื่อนแท้สามารถเอาเรื่องนี้มาอำคุณได้
เพื่อนทั่วไปเวลามาเยี่ยมคุณทำตัวเยี่ยงแขก
.......เพื่อนแท้จะตรงรี่ไปเปิดตู้เย็นและบริการตนเอง
เพื่อนทั่วไปคิดว่ามิตรภาพจบลงเมื่อเกิดการทะเลาะถกเถียง
........เพื่อนแท้รู้ว่านั่นมิใช่มิตรภาพจนกว่าคุณได้เคยวิวาทกัน
เพื่อนทั่วไปคาดหวังให้คุ๕อยู่เคียงข้างเขาเสมอ
........เพื่อนแท้คาดหวังที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป
เพื่อนทั่วไปจะอ่านข้อความนี้แล้วโยนลงถังขยะ
........เพื่อนแท้จะเฝ้าส่งต่อๆไปจนมั่นใจว่ามันได้ถึงมือผู้รับ....

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553


วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด

ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลาย ครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญวาเลนไทน์ ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็ก ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับ ๆ ด้วย

และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศีรษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ไร่เลย์, อ่าวนาง, กระบี่

ไร่เลย์, ชื่อนี้ส่วนใหญ่ไม่คอยรู้จักในหมู่คนไทยแต่ส่วนมากจะรู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งชาวต่างชาติรู้จักไร่เลย์ว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ บนเกาะแผ่นดินใหญ่,เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นหน้าผาหินปูนและเป็นบริเวณที่เงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนที่เหนื่อยมาจากการทำงาน: การเดินทาง ถ้าคุณมาจากกระบี่สามารถรเดินทางโดยนั่งเรือหางยาวจาก อ่าวนาง หรือ อ่าวน้ำเมา หรือ ตัวเมืองกระบี่ หรือเดินทางโดยเรือท่องเที่ยวถ้าคุณมาจาก เกาะพี พี. อนุรักษ์นิยมนักท่องเที่ยวต้องการรักษาสถานที่นี้ให้ยังคงเดิมตามธรรมชาติ ไร่เลย์จึงเป็นสถานที่ไม่มีถนน. เรือจึงเดียวที่สามารถไปที่ อ่าวนาง หรือ อ่าวน้ำเมา (สุสานหอย75ล้านปี).ช่วงเดือน พฤษภาคม - ตุลาคม เป็นช่วงน่ามรสุมของทุกปี .

สุดท้ายฉันไปที่นี้ เมื่อวันที่ 17 เม.ย 08 เพื่อไปสำรวจรีสอร์ใหม่ๆหรือสิ่งที่เปลียนแปลง สิ่งแตกจากที่ฉันไปมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากเดินตามแนวชาวยหาด นั้งดูพระอาทิตย์ตก นอนอาบแดด และเดียวนี้ได้มีโรงแรมและรีสอร์เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวจึงเลือกไร่เลย์เป็นที่ปลายทางที่เขามาพักผ่อนและได้อยู่กะธรรมชาติจริง ถึงแม้นเมื่อก่อนจะมีผลกระทบจากสึนามิมาก็ตาม แต่ ณ ปัจจุบันสึนามิทำให้ท่องทะเลอันดามันสวยงามขึ้นและดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนให้เขามาเที่ยได้มากขึ้น
ทำไมฉันมาที่นี้หลายๆครั้งและสิ่งที่ฉันชอบที่นั้น: เรื่องนี้ถ้าได้เล่ากันยาวแน่น ในครังแรกที่ผมได้มาที่นี้เมื่อ15 ปีที่ผ่านมา. ผมได้ไปพักที่ รายาวดี รีสอร์ท ความคิดผมคิดว่าหาดที่ผมไปพักเหมือกับหาดในภาพยนต์เช่นนี้นั้นเป็นครั้งแรกของผมที่ได้ไปที่นั้น

ไร่เลย์ ไม่เคยเปลียนแปลงสิ่งเปลียนมีแต่ที่พัก. รีสอร์ทมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในเงื่อนไขของการจำกัดจำนวนบังกะโล. โชคดีที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับสถานที่ท่องเที่ยว จุดดึงดูดนักท่องเที่ยวของไร่เลย์เขา ถ้และชายหาด. กิจกรรมที่น่าสนใจเมื่อท่านไปเที่ยวที่ไร่เลย์ เช่น การเล่นวอลเลย์บอบชายหาด ปีนหน้าผา ปีนเขา ฯลฯ. ตระกูลที่รอบรู้เรื่องไร่เลย์มากที่สุดและเป็นเจ้าของรีสอร์ทที่ไร่เลย์ คือตระกูลหง้าฝา และ ตระกูลขยันการทั้งสองรู้จักกันดี ใน อ่าวนาง และ ไร่เลย์. อย่างไรก็ตามเราได้กล่าวขอบคุณพวกภายใต้คลับท่องถิ่น " รัก ไร่เลย" หรือ " คนรักไร่เลย์" หมายถึงกลุ่มคนพวกนี้ยังคงอนุรักษ์ รักษาผาหิน หาด และสิ่งแวดล้อมของไร่เลย์ต่อไป .ในช่วงปลายเดือน เม.ย จะมีจัดการแข่งขันกานปีนหน้าผาประจำปีทุกปี

ปีนหน้าผา

ไร่เลย์มีจุดเด่นที่กิจกรรมการปีนหน้าผา. โดยภาพนี้เป็นการฝึกการปีนหน้าผาจำลอง. ในไร่เลย์มีผาหินปูนมากมายเหมือนแทบดินแดนตะวันตกที่มีผาหินปูมากมาย. ฉันจึงอยากแนะนำให้ลองมาปีนหน้าผาที่ไร่เลยดู ....แผนที่ไร่เลย์

การปีนผาสำหลับผู้ที่หัดปีใหม่ๆควน ไปลองฝึกที่ อ่าวต้นไทร และ หาดไรเลย์




----------------------------------------------

จุดชมวิวของไร่เลย์ ทั้งตะวันตกและตะวันออก

สิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อไปที่ไร่เลย์คือการเก็บภาพสวยๆกลับมาอย่าฉัน. เมื่อพระอาทิตย์จะตกแสงแดดสะท้อนเงาจากหินลงไปที่อ่าว ต้นมะพร้าวเรียงติดกันเป็นแถว เรือประมงแยกย้ายอันออกทะเล. ภาพนั้นเหมือสวรรคของผม

ภาพข้างซ้ายไร่เลย์ตะวันตก ทางด้านขวาตือไร่เลย์ตะวันออกส่วนข้างหลังคือหาดพระนางคือพนังคุณสามารถเดินผ่านทั้ง3หาดได้สบาย(ถ่ายภาพที่บ้านตะเกียงรีสอร์ท)
บึงหรือหนองน้ำ
อีกที่ที่ดึงดูกสำหลับคนที่รักการผจญภัย คุณต้องเดินไต่ขึ้นไต่ลง บางที่ท่างก็ชันเกินไปคุณต้องกระโดด เมื่อคุณมาถึงที่คุณจะพบกับทะเลสาบ ลากูนที่สวยงาม และที่นั้นยังเป็นจุดปีนผาอีกจุดหนึ่งที่หน้าสนใจ


----------------------------------------------

ถ้ำ หาด พระนาง

จากประสบการณ์หาดพระนางเป็นหาดสวยงามหาดทรายขาว มีคใส่ชุดว่ายน้ำนอนอาบแดด มาการสนุกกับกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ ถ้ำหาดพระนางเป็นถ้ำที่มีนิทานท่องถิ่น(ฉันไม่สามารถจำเรื่องราวได้) การเดินทางไปหาดพระนาง คุณสามารถเดินทาง จากหาดไร่เลย์ประมาณ15 นาที





ถ้ำพระนาง
Diamond Cave Resort และ Nopparatthara ตั้งอยู่บนเกาะพีพี และอุทยานแห่งชาติทางทะเลเป็นเส่นทางที่ให้นักท่องเที่ยวเดินชมถ้ำใช้เวลาในการชมประมาณ 10 - 15นาทีถ้าคุณมาไร่เลย์อย่าพลาดที่คุณจะลองมาสัมผัสที่ถ้ำนี้ดู ถึงแม้นมันจะหายากไปหน่อย

ไร่เลย์ ตะวันตก

ไร่เลย์ตะวันตกเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการ การอาบแดดว่ายน้ำ เล่นวอลเลย์บอลชายหาด ฯลฯ. นักท่องเที่ยวที่ต้องไปเที่ยวเกาะพีพี ทุกวันจะมีเรือจากอ่าวนางออกเวลา 9:00 น.เรือจะจอดรับนักท่องเที่ยวที่อ่าวนางประมาณ 10นาที.

รีสอร์ท ที่แนะนำ เมื่อคุณไปที่ยวที่ไร่เลย์Railay Village, Railay Bay, Sand Sea Resort.

ไร่เลย์ ตะวันออก

เป็นหาดที่ไม่เหมาะกับการว่ายน้ำเพราะเป็นป่าโกงกาง. มีเพียงพับเล็กๆ และจุดปีนผาและร้านอาหาร

มีสามรีสอร์ทที่แนะนำในบริเวนนี้

Sunrise Tropical Resort, พึ้งเปิดใหม่ปลายปี2002.

Ya Ya Resort, อยู่บริเวณป่าโกงกางต้นมะพร้าวและมีต้นไม้มาก



Diamond Private Resort, มีระเบียงส่วนตัว รีสอร์ทอยู่บนเขาเล็กน้อย มีสระว่ายน้ำ คุณจะสนุกกับการชมวิวและดื่มด่ำกับธรรมชาติ

Diamond Cave Resort, รีสอร์อยู่บนเขาเล็กน้อย มีร้านอาหาร อินเทอร์เน็ต มีสระว่ายน้ำ และมีทัวร์แพ็คเกจจาทางรีสอร์ทเป็นจำนวนมาก


----------------------------------------------

หาดต้นไทร
การเดินทางมาอาจไม่สะดวกสะบายและไกลจากแหล่งท่องเที่ยว แต่ไม่ไกลจากร้านอาหาร เรือ ATM อินเตอร์เน็ต ฯลฯคุณสามมาเดินทางจาหาดไร่เลย์มาหาดต้นไทรได้



Tonsai Bay; ติดหาด มีปีนผา เป็นรีสอร์ทประเภทบังกะโล ไม่มีสระว่ายน้ำแม่มีจำหนดการจะสร้างเร็วๆนี้




----------------------------------------------

หาดต้นไทรเป็นที่นักท่องเที่ยวนิยามมาปีนหน้าผา เล่นวอลเลย์บอล สามารถมองเห็นเกาะต่างๆได้ไม่ไกลเช่าเกาะไก เกาะทับ เกาะปอดะเป็นเกาะที่ Unseen Thailand.

ไร่เลย์เป็นที่เหมาะสำหรับผู้รักธรรมชาติ และหลีกหนีจากความเหนื อยล่าจากการทำงานความวุ่นวายของตัวเมือใหญ่ๆ. ฉันนั้งดูพระอาทิตย์ยามเย็นแสงทอดผาหินสทอนเป็นเงาลงหาดเป็นภาพที่ดึงดูดให้ฉันอยากกลับไปอีก
อัมพวา

อัมพวา ด้วยเหตุที่อำเภออัมพวาเป็นสถานที่สำคัญ และเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์อยู่มาก สมัยก่อนเรียกกันว่า "แขวงบางช้าง" เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่มีความเจริญทั้งในด้านการเกษตร และการพาณิชย์ มีหลักฐานเชื่อได้ว่า ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองนั้น แขวงบางช้างมีตลาดค้าขายเรียกว่า "ตลาดบางช้าง" นายตลาดเป็นหญิงชื่อน้อย มีบรรดาศักดิ์เป็นท้าวแก้วผลึก นายตลาดผู้นี้อยู่ในตระกูลเศรษฐีบางช้างซึ่งต่อมาเป็นราชนิกุล "ณ บางช้าง"

เมื่อ พ.ศ. 2303 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ โปรดเกล้าฯ ให้นายทองด้วง (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก) เป็นหลวงยกกระบัตร เมืองราชบุรี ซึ่งเป็นเมืองจัตวาขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา ต่อมาหลวงยกกระบัตรได้แต่งงานกับคุณนาคบุตรีเศรษฐีบางช้าง และได้ย้ายบ้านไปอยู่หลังวัดจุฬามณี ต่อมาเมื่อไฟไหม้บ้านจึงได้ย้ายไปอยู่ที่หลังวัดอัมพวันเจติยาราม อีก 3 ปี

เมื่อ พ.ศ. 2310 พม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตก หลวงยกกระบัตรจึงตัดสินใจอพยพครอบครัวเข้าไปอยู่ในป่าลึก ในระหว่างนี้ ท่านแก้ว (สมเด็จกรมพระศรีสุดารักษ์) พี่สาวของหลวงยกกระบัตร ได้คลอดบุตรหญิงคนหนึ่งตั้งชื่อว่า "บุญรอด" (ต่อมาได้เป็นสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 2) ครั้งเมื่อพระยาวชิรปราการได้รวบรวมกำลังขับไล่พม่าออกไปหมดแล้ว ได้สถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าตากสิน หลวงยกกระบัตรจึงได้อพยพครอบครัวกลับภูมิลำเนาเดิมในช่วงนี้เอง คุณนาคก็ได้คลอดบุตรคนที่ 4 เป็นชาย ชื่อฉิม (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) หลังจากนั้น หลวงยกกระบัตร ก็ได้กลับเข้ารับราชการอยู่กับพระเจ้าตากสิน ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระราชวรินทร์เจ้ากรมพระตำรวจนอกขวา จนกระทั่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต้นราชวงศ์จักรี คุณนาค ภรรยาก็ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ คุณสั้น มารดาคุณนาค ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระรูปศิริโสภาคมหานาคนารี

แต่เนื่องจากสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ทรงเป็นคนพื้นบ้านบางช้างมาก่อน จึงมีพระประยูรญาติที่สนิท ประกอบอาชีพทำสวนต่าง ๆ อยู่ที่บางช้างนี้มาก เมื่อได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระอมรินทรามาตย์จึงนับเป็นราชินิกุล บางช้าง พระประยูรญาติจึงเกี่ยวดองเป็นวงศ์บางช้างด้วย และสมเด็จพระอมรินทร์ฯ มักทรงเสด็จเยี่ยมพระประยูรญาติเสมอ จึงมีคำเรียกว่า "สวนนอก" คือ สวนบ้านนอก ที่เป็นของวงศ์ราชินิกุลบางช้าง ส่วนบางกอก ซึ่งเป็นส่วนของเจ้านายในราชวงศ์ก็เรียกว่า "สวนใน" มีคำกล่าวว่า "บางช้างสวนนอก บางกอกสวนใน" จนถึงสมัยรัชกาลที่ 4 จึงยกเลิกไป


คำขวัญจังหวัดสมุทรสงคราม: เมืองหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร 2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม
ประวัติตลาดสามชุก


“สามชุก เป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัดสุพรรณบุรี โดย ในอดีตสามชุกคือแหล่งที่ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติทั้งไทย จีน มอญ ฯลฯ มามีสัมพันธ์ต่อกันในลักษณะของการแลกเปลี่ยน และซื้อขายสินค้า จนพัฒนาไปสู่ การลงหลักปักฐาน สร้างเมืองที่มั่นคงขึ้นมาตาม ประวัติของเมืองสามชุก กล่าวไว้ว่า ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2437 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เดิมชื่ออำเภอ “นางบวช” ตั้งอยู่บริเวณ ตำบลนางบวช โดยมีขุนพรมสภา (บุญรอด) เป็นนายอำเภอคนแรก ซึ่งยังมีภาพถ่ายปรากฎอยู่จนถึงปัจจุบัน

ต่อมาในปี 2457 ต้นรัชกาลที่ 6 ได้ย้ายอำเภอมาตั้งที่บ้าน “สำเพ็ง” ซึ่งเป็นย่านการค้าที่สำคัญในสมัยนั้น จนกระทั่งปี 2481 สมัยรัชกาลที่ 8 ได้เปลี่ยนชื่อจาก “อำเภอนางบวช” มาเป็น “อำเภอสามชุก” และย้ายมาตั้ง อยู่ริมลำน้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) ซึ่งแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยผ่านคลอง มะขามเฒ่า

แต่เดิมบริเวณที่ตั้งอำเภอสามชุกเรียกว่า “ท่ายาง” มีชาวบ้านนำของป่าจากทิศตะวันตกมาค้าขายให้กับพ่อค้าที่เป็นชาวเรือ บ้างก็มาจากทางเหนือ บ้างก็มาจากทางใต้ เป็น 3 สาย จึงเรียกบริเวณที่ค้าขายนี้ว่า “ สามแพร่ง “ ต่อมาได้เพี้ยน เป็น สามเพ็ง และสำเพ็งในที่สุด ดังปรากฎหลักฐานกล่าวไว้ในนิทานพื้นบ้านย่านสุพรรณมีเรื่องกล่าวต่อไปว่า ในระหว่างที่คนมารอขายสินค้าก็ได้ตัดไม้ไผ่มาสานเป็นภาชนะสำหรับใส่ของขาย เรียกว่า “กระชุก” ชาวบ้านจึงเรียกว่า “สามชุก” มาถึงปัจจุบัน

อำเภอสามชุกเดิมมีพื้นที่ 774.9 ตารางกิโลเมตร ต่อมาในปี 2528 ได้มีการตั้งอำเภอหนองหญ้าไซ จึงแบ่งบางส่วนออกไป ยังคงเหลือเพียง 362 ตารางกิโลเมตร

ตลาดสามชุก เป็นตลาดสำคัญในการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญในอดีต ตั้งแต่เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสุพรรณบุรี แต่เมื่อถนนคือ เส้นทางจราจรทางบกที่เข้ามาแทนที่การเดินทางทางน้ำ ทำให้คนหันหลังให้กับแม่น้ำท่าจีน ความสำคัญของตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าริมน้ำเริ่มลดลง บรรยากาศการค้า ขายในตลาดสามชุกเริ่มซบเซา และเมื่อต้องแข่งขันกับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และตลาดนัดภายนอก ทำให้ร้านค้าภายในตลาดต้องหาทางปรับตัว และเมื่อราชพัสดุ เจ้าของที่ดินที่ชาวบ้านเช่าที่ดินมายาวนาน ดำริจะรื้ออาคารตลาดเก่า สร้างตลาดใหม่ จึงทำให้ชาวบ้านพ่อค้าที่อยู่ในตลาดสามชุก ครูอาจารย์ที่เห็นคุณค่าตลาดเก่า รวมตัวเป็นคณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุกเชิงอนุรักษ์ระดมความคิด หาทางอนุรักษ์ตลาดและที่อยู่ของตนไว้ และหาทางฟื้นคืนชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง เป็นที่มาของกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใช้การท่องเที่ยวศึกษาวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม ประวัติศาสตร์ชุมชน เป็นเครื่องมือการพัฒนาอาคารไม้เก่าแก่ ในตลาดสามชุก ที่ก่อสร้างเป็นแนวตั้งฉากกับแม่น้ำท่าจีน เป็นสิ่งบอกให้รู้ว่าเป็นลักษณะของตลาดจีนโบราณ เป็นชุมชนชาวไทย-จีน ที่ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน ลวดลายฉลุไม้ที่เรียกว่าลายขนมปังขิง ซึ่งเท่าที่พบในตลาดนี้มีถึง 19 ลาย คือ ศิลปะตกแต่งอาคารไม้โบราณ ที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบัน หากไม่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ก็ย่อมสูญหายไปเช่นเดียวกับตลาดโบราณอื่นๆนอก จากสถาปัตยกรรม อาคารไม้โบราณที่พบเห็นได้ตลอดแนวทางเดิน 2 ข้างทางเดินในตลาด วิถีชีวิตบรรยากาศภายในตลาดการค้าขายที่ยังคงรักษาวิถีแบบดั้งเดิมเช่นใน อดีต และบรรยากาศน้ำใจอัธยาศัยไมตรีของแม่ค้า ข้าวของเครื่องใช้ ขนมอาหารที่นำมาตั้งขายในตลาด เป็นสิ่งยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่สิ่งที่จำลองมาเพื่อให้ผู้ชมได้ดูชั่วครั้งชั่วคราว แต่เหล่านี้คือ วัฒนธรรมที่สืบเนื่องจากอดีต บ่มเพาะมาเป็น 100 ปี
นักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสได้ ไม่รู้เบื่อ อิ่มตา อิ่มใจ อิ่มท้องอย่างไม่รู้ตัว และทำให้ตลาดสามชุก แห่งนี้ได้รับขนานนามว่า

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สวนแม่ฟ้า

สวนแม่ฟ้าหลวงอยู่ด้านหน้าพระตำหนักดอยตุง เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณ มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ออกแบบเป็นรูปลายผ้าพื้นเมืองใช้ต้นซัลเวียดอกสีแดง ขาว และม่วงเข้ม สวยสดสะดุดตามาก ตรงกลางมีรูปปั้นต่อเนื่อง ฝีมือปั้นของคุณมีเซียมยิปอินซอย นอกจากจะใช้ไม้ใบไม้ดอกแล้ว ยังใช้ไม้ยืนต้นและซุ้มไม้เลื้อยอีกมากกว่า 70 ชนิด จัดทางเดินไว้เป็นสัดส่วน มีศาลาชมวิวและร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง สวนแม่ฟ้าหลวงสร้างโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ค่าเข้าชม คนละ 20 บาท

พระธาตุดอยเวา

พระธาตุดอยเวาตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สาย บนดอยริมฝั่งแม่น้ำสาย ตามประวัติกล่าวว่า พระองค์เวาหรือเว้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนก เป็นผู้สร้างเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุองค์หนึ่งเมื่อ พ.ศ. 364 นับเป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่งรองมาจากพระบรมธาตุดอยตุง
ความรักคืออะไร

ความรัก คืออะไรจากคุณ : ~ll•lvl 3 @ ll•ll~เมื่อวันที่ : 13 ก.ค. 2549เมื่อเราเกิดมีความรักขึ้นมาก็จะถามตัวเองว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร บางครั้งก็ตอบง่ายแสนง่ายอย่างมีเหตุผลอย่างมีลำดับขึ้นว่า เริ่มจาก
1.ความพึงพอใจ 2.ความชอบ 3.ความรัก 4.ความหลงความพึงพอใจความรู้สึกดีๆ ในจุดๆ หนึ่ง ในช่วงเวลาสั้นๆความชอบการมองเห็นถึงจุดยืนของตนในความต้องการ โดยอาจจะมีเหตุผลของความชอบ ดังนี้1.ชอบที่หน้าตา
2.ชอบที่นิสัย
3.ชอบที่ความสามารถ
4.ชอบที่ฐานะความรักในเชิงอุดมคติคือ " ความชอบ ความพึงพอใจ ความจริงใจ ความปรารถนาดี ความหวังดี ความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ความหลงไหล ความผูกพัน ความห่วงหา ความอาทร ความเข้าใจ ความห่วงใย ความใส่ใจ ความคิดถึง ความอบอุ่น ความนุ่มนวล ความอ่อนโยน ความอ่อนแอ ความอ่อนไหว ความสุข ความเสียสละ" ความรักในเชิงทิฐิคือ " ความหึงหวง ความเสียใจ ความผิดหวัง ความเจ็บปวด ความชิงชัง ความเกลียดชัง ความก้าวร้าว ความรุนแรง ความโกรธแค้น ความเห็นแก่ตัว" ความรักเชิงจินตนาการคือ " การเอาตัวเองเข้าไปพิสูจน์อย่างไม่มีวันที่สิ้นสุด" ความรักในเชิงภาษาคือ " คำที่มี 2 พยัญชนะ เริ่มจาก ร เรือ และ ก ไก่ร เรือ คือ การเรียนรู้ก ไก่ คือ กาลเวลานั่นจึงมีหมายความว่า ความรักคือ การเรียนรู้ซึ่งกันและกันของคน 2 คน ที่มาอยู่ร่วมกัน ปรับตัวเข้าหากัน โดยมีเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์และประสานคนทั้ง 2 คน ให้เกิดความใกล้ชิดกันและเกิดเป็นความผูกพัน จนทำให้เกิดเป็นความเข้าใจ และเกิดเป็นสุขตามมา นั่นแหล่ะ " ความรัก "เหตุผล ปัจจัย ความเป็นไป ที่มาและพัฒนาการของความรักมีดังนี้
1.ความพึงพอใจ
2.ความชอบ
3.ความใกล้ชิด
4.ความผูกพัน
5.ความเข้าใจความหลงความรักที่มากเกินความพอดี โดยไม่สนใจความถูกผิด ไม่เปิดใจรับเหตุผลต่างๆ
พัฒนาการของความรัก ความพึงพอใจในจุดจุดหนึ่งของอีกฝ่าย เมื่อคบหาแล้วก็เริ่มที่จะพิจารณาและเห็นจุดยืนของความต้องการในตัวตนของตัวเองจนเกิดเป็นความชอบในองค์ประกอบของเค้า โดยมีเรื่องของเวลานำพาและสร้างความผูกพันความคิดถึง ห่วงหาจนเกิดเป็นความรัก ที่มีความสุข หากหมดรักเมื่อไหร่ ก็ไม่มีความสุขและเมื่อรักมากๆ มากจนเกินความพอดี โดยไม่คำนึงถึงความถูกผิด ไม่เปิดใจรับความจริงในเหตุผลต่างๆ นั่นแหละคือ " ความหลง "แต่บางครั้งก็ตอบไม่ได้เลยว่า มันคืออะไร มันอาจจะสับสนบ้างกับความรัก เพราะเราอาจจะตอบไม่ได้เลยว่าเราชอบหรือรักเค้าที่ตรงไหน ชอบหรือรักเค้าที่อะไร เมื่อไหร่ อย่างไร จะมีก็แต่คำว่า " ความรักไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรือทฤษฏี รักก็คือรักห้วนๆ หากรู้ตัวรู้ว่านี่คืออะไรเค้าจะเรียกว่าความรักหรือ!! " หรือว่าความรักคือความไม่รู้กันแน่นี่ หรือความไม่มีเหตุผลกันแน่ !!แล้วคุณหล่ะ เมื่อมีความรักแล้วรู้ตัวอยู่หรือเปล่าว่านี่คือความรักหรือความหลง รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ รู้ตัวอยู่หรือเปล่าว่าคุณมีความรักได้อย่างไร? เมื่อไหร่?แล้วความรักมันจะมาหาคุณเอง เมื่อวันใด เมื่อไหร่ที่คุณมีความกังวนใจ ว้าวุ่น ครุ่นคิดถึงใครสักคน สับสน แล้วเฝ้าถามตัวเองว่าเราเป็นอะไรไปเนี่ย นั่นแหล่ะความรักมันได้เริ่มคืบคลานเข้ามาหาคุณอย่างช้าๆ"ความรักมักเล่นแง่กับเรา เมื่อเรามีความรักมันกลับวิ่งหนี เมื่อเราอยู่เฉยๆ มันกลับมาหาเราทั้งๆ ที่เราไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ " แต่นั่นก็เป็นความรักที่เกิดจากโชคหรือดวง แต่หากวันใดโชคหรือดวงที่ว่านี้มันเลิกเล่นแง่กับเรา เราก็อย่าได้เล่นแง่กับคนที่เรารักกับความรัก กับตัวเองเลย เมื่อเกิดการผิดใจกัน ลองคิดดูสิว่ากว่าเราจะได้รับมันมากว่าเราจะพบต้องใช้อะไรไปบ้าง? ความจริงใจ เวลา ความหนักแน่ ความมั่นคง ความเชื่อใจ ความไว้วางใจ แล้วจะให้ความคิดเพียงชั่ววูบมาทำลายสิ่งดีๆ ที่ผ่านมามันไม่คุมเอาเสียเลย" หากคิดที่จะรัก ใยต้องคิดถึงความผิดหวัง?หากคิดที่จะรัก ใยคิดถึงผลที่ขมขื่นของมัน?หากไม่รู้จักรัก จะรู้จักความสุขหรือ?หากคิดแต่เรื่องความทุกข์ แล้วจะสุขได้อย่างไร?และหากมีใจ ใยต้องสร้างกำแพงขวางกัน? หรือต้องการที่จะพิสูจน์อนุภาพของมัน...... "เรื่องของความรัก -------> ไม่มีคำว่ายุติธรรม หรือ คำว่าเสมอภาคเรื่องของความรัก -------> ไม่มีคำว่าบังเอิญ มีแต่คำว่าตั้งใจเรื่องของความรัก -------> ไม่มีคำว่าฝืนทน มีแต่คำว่าเข้าใจเรื่องของความรัก -------> ไม่มีคำว่าเสียสละให้ใคร มีแต่คำว่ารัก เข้าอกเข้าใจ รู้ใจ เห็นใจ และร่วมฝ่าฟันไปด้วยกันก็พอเคยมีใครถามคุณไหมว่า "ความรักคืออะไร?"วันนี้เรามีคำตอบให้คุณแล้วล่ะคำที่ใช้แทนคำว่า "ความรัก" ได้ดีที่สุด น่าจะเป็นคำว่า "ใส่ใจ"หากคุณคิดที่จะบอกรัก หรือรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะรักใครสักคน ลองถามตัวเองดูว่า คุณใส่ใจเค้ามากน้อยแค่ไหน?ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความเอาใจหากคนรักของคุณจำได้ขึ้นใจว่า คุณเคยพูดว่าอยากได้อะไร แล้วเค้าหาซื้อของชิ้นนั้นให้ ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อซื้อซื้อของเยอะแยะมากมาย เพื่อเอาใจ...นั่นแหละถึงเรียกว่า ความใส่ใจความใส่ใจ ไม่ใช่ ความหึงหวงหากคนรักของคุณโทรหาคุณทุกคืนถามว่ากลับถึงบ้านหรือยัง เพียงเพราะเค้าเป็นห่วง ไม่ต้องการให้คุณได้รับอันตรายในยามดึก ไม่ใช่กลัวว่าคุณจะไปกับคนอื่น...นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจความใส่ใจ ไม่ใช่ ความมีน้ำใจอย่างเดียว หากแต่มีความถนอมน้ำใจด้วยหากคนรักของคุณทำอะไรเพื่อคุณสักอย่างด้วยความตั้งใจ แต่คุณกลับไม่ชอบมัน คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ใส่ใจในความรู้สึกของเค้าด้วยหากคุณทะเลาะกับคนรัก แต่แล้ววันรุ่งขึ้น คนรักของคุณยังโทรมาแสดงความเป็นห่วงในเรื่องต่างๆ เหมือนทุกๆวัน ทั้งๆที่ยังไม่หายโกรธ...นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจหากคนรักของคุณยอมสละเวลา ทำบางสิ่งเอาไว้ทีหลัง เพียงเพื่อช่วยทำในสิ่งที่คุณขอ...นั่นแหละเรียกว่า ความใส่ใจ คนเราบางครั้งก็ต้องการมีใครสักคนคอยใส่ใจเราบ้างหากคุณต้องเดินทางไกล มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาถามว่า"ถึงหรือยัง""ปลอดภัยดีไหม""เหนื่อยไหม"หากคุณต้องปฏิบัติภาระกิจสำคัญไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณจำได้ และโทรมาบอกว่า"โชคดีนะ" "ชั้นจะคอยเป็นกำลังใจให้"หากคุณต้องขับรถคนเดียว มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาบอกว่า"ขับรถดีๆนะ"หากคุณป่วยเป็นไข้ ไม่สบาย มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาเตือนให้คุณกินยา และพักผ่อนมากๆความใส่ใจ กับความเกรงใจ คล้ายกันในหลายๆด้าน คุณอาจคิดว่ายิ่งคบกันสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันให้มากเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน แต่กลับไม่คิดอย่างนั้น ยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ ต้องยิ่งเกรงใจซึ่งกันและกันความเกรงใจเป็นสิ่งดี และเป็นบ่อเกิดของความสัมพันธ์อันยั่งยืน คุณเห็นไหมล่ะว่า ไม่ยากเลยที่จะแสดงความใส่ใจต่อใครสักคนเพียงแต่วันนี้ คุณใส่ใจคนรักของคุณแล้วหรือยัง?????เรื่องลับลับเกี่ยวกับความรักมีความลับเกี่ยวกับความรักอีกมากมายหลายอย่าง ที่เรายังต้องค้นหากันต่อไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินเข้าใจยิ่งค้นหาก็จะทำให้เรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของมันมากขึ้นความรักเริ่มจากความคิดเพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก บางทีความรักก็ทำให้เราเปลี่ยนแปลงความคิดอย่างที่เคยเป็นต้องปรับปรุงในสิ่งที่เราเคยทำ เพียงเพื่อให้เข้ากับใครอีกคนความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธาคุณไม่สามารถรักใครได้หรอกถ้าคุณไม่รู้สึกเชื่อมั่นเป็นอันดับแรก และคนแรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น นั่นก็คือตัวคุณเองความรักคือการให้ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรักสิ่งที่คุณต้องทำก็คือ รู้จักให้ด้วยยิ่งให้คุณก็จะยิ่งได้รับ สูตรลับของความสุข และทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอาไว้เสมอก็คือ อย่าถามว่าคนอื่นให้อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณ ทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่าในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่อยากได้รักแท้ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้ซะก่อนการจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตา แต่อยู่ที่ว่าต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันรึเปล่าหากจะรักใครอย่างจริงใจคุณควรจะรักในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็นมิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่ช่วยทำให้ความรักเบ่งบานเติบโตทุกๆ วันนั่นเองการสัมผัสกันจะช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้นเคยรู้สึกดีใช่มั้ยเวลาที่มีใครมาโอบใหล่หรือกอดคุณการสัมผัสกันจึงเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่มีพลังช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วยน่าแปลกที่มันสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาลงอย่างได้ผลอยากรักต้องรู้จักปลดปล่อยถ้าคุณรักใครจงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้างคุณเองก็รู้สึกอึดอัดใช่มั้ย ถ้าหากมีใครมาล่ามโซ่คุณ จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีตที่ไม่ดีมาก่อนปลดปล่อยความกลัวภายในใจให้ความยุติธรรม ลดทิฐิ และเงื่อนไขต่างๆซะบ้าง บอกตัวเองว่า แต่นี้ไปเราจะทิ้งความกลัวทั้งหมดและอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัวเราอีก นับจากวันนี้ไปเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะทีชีวิตจะเปลี่ยนไป เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้าง และซื่อสัตย์ต่อกันคุยกับคนที่คุณรัก อย่ากลัวที่จะพูดคำวิเศษ 3 คำว่า "ฉันรักเธอ" อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไป คุณควรจะบอกรักก่อนจะจากกันทุกครั้งเสมอ เพราะบางทีคุณอาจจะได้เจอกันครั้งสุดท้ายก็ได้ใครจะไปรู้แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกันถ้าคุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนนึงก็จะเป็นคนระแวง กังวลและหวาดหวั่น ส่วนอีกคนก็จะรู้สึกอึดอัดใจคุณไม่อาจรักใครจริงๆ ได้ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาอย่างแท้จริง