การอาบน้ำ นอกจากจะเป็นการทำความสะอาดร่างกายแล้วยังจะเป็นการกระตุ้นเลือดภายในร่าง กายให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น เริ่มจากการใช้ฝ่ามือหรือผ้าหยาบ ใยบวบ ฯลฯ ถูให้ทั่วตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า เริ่มจากเบาๆ และค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักแรงขึ้นไปเรื่อยๆ
นอกจากนั้นแล้วหัวใจหลักนั้นอยู่ที่ "อุณหภูมิ" ของน้ำ ที่จะเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของต่อมต่างๆ ในร่างกาย ทำให้ระบบการไหลเวียนของโลหิต ระบบการหายใจทำงานได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ
น้ำอุ่น หรือน้ำที่มีอุณภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 27-34 องศาเซลเซียส หรือไม่ควรอุ่นเกินอุณหภูมิของร่างกาย 2 องศา จะทำให้ร่างกายสะอาดมากที่สุด เพราะความอุ่นของน้ำจะเข้าไปเปิด รูขุมขนทำให้ผิวหายใจได้มากขึ้น ขับของเสียที่คั่งค้างอยู่ตามผิวได้มากขึ้น และยิ่งถ้าได้อาบน้ำอุ่นก่อนนอนก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพ เพราะจะทำให้นอนหลับสบายได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนผู้ที่ชอบอาบน้ำอุ่นจัดๆ หรืออาบน้ำร้อนนั้น ไม่ควรอาบบ่อยครั้งนัก และควรควบคุมให้อยู่ในอุณหภูมิประมาณ 38-40 องศาเซลเซียส และไม่ควรอาบนานเกิน 10-15 นาที เพื่อป้องกันผิวแห้งจากการสูญเสียน้ำมันบนผิวหนัง ยังทำให้หัวใจต้องทำงานมากขึ้นในการขยายเส้นเลือดเพื่อจะช่วยให้ร่างกายเย็น ลง
เครดิต: http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php/topic,1533.0.html
วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ต้านอนุมูลอิสระ เคล็ดลับชะลอวัย
แม้คุณจะพยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมก่ออนุมูลอิสระสักเท่าไร แต่เมื่ออายุมากขึ้น ประสิทธิภาพในการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระของร่างกายก็จะลดลง จึงจำเป็นต้องปรับพฤติกรรมเพื่อลดการเกิดและสะสมสารต้านอนุมูลอิสระไว้เสีย ตั้งแต่วันนี้
แคโรทีนอยด์ เป็นเม็ดสีชนิดละลายในไขมัน ซึ่งร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้เมื่อผ่านการปรุงสุก พบในผักสีส้ม เหลือง แดง เขียวเข้ม เช่น เอพริคอต ฟักทอง แคนตาลูป แครอท พีช บรอกโคลี
ฟลาโวนอยด์ เป็นเม็ดสีชนิดละลายน้ำ มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระดีกว่าวิตามินซีและอีถึงห้าสิบเท่า พบมากในดาร์กช็อกโกแลต องุ่นแดง และชาเขียว
วิตามินซี เป็นวิตามินชนิดละลายน้ำที่เสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นให้ทำ งานอย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันการเกิดปฏิกริยาออกซิเดชั่นในไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ได้แก่ ไขมันชนิดอิ่มตัว และไขมันทรานซ์ พบมากในฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี่ ส้ม เชอร์รี่ เสาวรส ทับทิม ซึ่งควรรับประทานแบบผลสดเพราะวิตามินซีจะถูกทำลายเมื่อถูกความร้อนและแสงแดด
แอนโธไซยานิน ช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ พบในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
เครดิต:
กินไข่ ไม่ต้องหวั่นคอเลสเตอรอล
ผลการศึกษายืนยัน กินไข่ทุกวัน ไม่ได้ทำให้เป็นคอเลสเตอรอล
"กินไข่ ทำให้แข็งแรง เพราะเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญ" กับ "กินไข่ ทำให้คอเสเตอรอลสูง" สองคำกล่าวที่ทำให้หลายคนไม่แน่ใจว่าการกินไข่ทุกวันจะดีหรือร้ายต่อร่างกาย กันแน่ วันนี้เราจะมาเฉลยกันเมนูไข่เจียวร้อนๆ แทบจะเรียกไดว่าฟาสต์ฟู้ตคนไทยที่อร่อยสุดยอด หรือ ออมเลตแบบอเมริกันเบรกฟาสท์ ทำให้ผู้ที่รักสุขภาพมากมายเริ่มไม่ไว้วางใจ เพราะกลัวคอเลสเตอรอลที่มากับไข่แดงจะถามหา เลยเลือกกินแต่ไข่ขาว ซึ่งน่าเสียดายมากเหมือนการโยนคุณค่าของอารหารที่ดีทิ้งไป เพราะในไข่แดงประกอบไปด้วย วิตามินบี วิตามินเอ โฟเลต โคลีน เกลือแร่ แคลเซียมและเหล็กไข่แดงมีโคเลสเตอรอลสูงนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ร่างกายเราก็จำเป็นต้องมีคอเลสเตอรอลที่เหมาะสมในกระบวนการเผาผลาญอาหาร หล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย หากเรากินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลต่ำตลอดเวลา ร่างกายก็ต้องผลิตออกมาเพื่อสร้างความสมดุล เว้นแต่หากคุณมีคอเลสเตอรอลสูงอยู่แล้ว ถึงจะควรหลีกเลี่ยงไข่แดง
5 ผัก-ผลไม้ที่ผู้หญิงควรรับประทาน
1.ลูกพรุน ต้องบอกเลยว่าเป็นแหล่งโปแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ชั้นดี ที่สำคัญลูกพรุนยังช่วยให้สาวๆ มีเลือดฝาดดูเป็นสาวสดใส ยิ่งโดยเฉพาะสาวๆ ที่มีอายุ 25 ขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันจะเริ่มสะสมตามที่ต่างๆ ผิวหน้าก็อาจจะหมองคล้ำลง ธาตุเหล็กที่มีในลูกพรุนจะช่วยดูแลเรื่องนี้ ควบคู่กับภาวะที่สตรีต้องสูญเสียเลือดและธาตุเหล็กไปกับประจำเดือนอีกด้วย
2.ถั่ว เพียบพร้อมไปด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินปีด้วย มีนักวิทยาศาสตร์เขาค้นพบว่า เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำ (ซึ่งมีมากในถั่ว) ไฟเบอร์จะเคลือบกระเพาะ ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วและนาน ความอยากอาหารจะลดลง แถมนอกจากไฟเบอร์แล้ว ในถั่วยังมีสารอาหารชนิดอื่นๆ อีกด้วย จึงทำให้ผู้หญิงอย่างเราหุ่นดีโดยไม่ขาดสารอาหาร
3.บร็อกโคลี มีซีลีเนียมมาก ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวพรรณและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณอ่อนนุ่มมีน้ำมีนวล แถมยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้
4.กล้วย โดยเฉพาะในกล้วยไข่จะมีสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งสามารถต้านอนุมูลอิสระ เมื่อสาวๆ อายุ 22 ปีไปแล้ว ร่างกายจะเริ่มหยุดการเติบโต ความเสื่อมของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือน และนั่นก็จะทำให้เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์ผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น ที่แน่นอนที่สุดความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะลดลงเรื่อยๆ ความสามารถในการกำจัดอนุมูลอิสระก็ลดลง สาวๆ จึงต้องรับประทานกล้วยให้เยอะๆ
5.ฝรั่ง รู้หรือไม่ว่าฝรั่ง 100 กรัม มีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีนี้มีบทบาทในการสร้าง 'คอลลาเจน' ที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงยืดหยุ่นไม่เหี่ยวย่นก่อนวัย
วิธีการดูแลรักษาเล็บ
1.การดูแลเล็บโดยการล้างเล็บทำความสะอาดเล็บ
ควรล้างเล็บด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ ใช้แปลงนุ่มๆขัดตามซอกเล็บเบาๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำที่สะอาด ชโลมด้วยคลีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้มือและเล็บ
2.การตัดเล็บมือที่ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง
ควรตัดให้มีความโค้งมนไปตามนิ้วมือ ส่วนเล็บเท้านั้นพยายามตัดให้เป็นเส้นตรงมากที่สุด เพื่อลดการสะสมของความสกปรกตามศอกเล็บและโอกาสเกิดเล็บขบ ไม่ควรที่จะตัดสั้นจนชิดเนื้อมากเกินไป และไม่ควรใช้วัสดุใดๆ แงะงัดขอบเล็บ จมูกเล็บ เพราะอาจเกิดบาดแผลและการอักเสบได้ และเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดเล็บคือหลังจากอาบน้ำหรือล้างจาน เพราะเล็บจะมีความอ่อนนุ่ม ทำให้ง่ายต่อการตัดแต่ง แต่ถ้าหากไม่รอหลังอาบน้ำก็ให้แช่เล็บในน้ำอุ่นประมาณ 5 นาทีก่อนตัดครับ
3.วิธีตะไบเล็บให้สวย
ถ้าหากใช้ตะไปเล็บที่ทำจาดเหล็ก ควรตะไปเล็บไปในทิศทางเดียวกันไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะจะทำให้เล็บเป็นเสี้ยนคมหรือฉีกได้ แต่ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเซลามิกก็สามารถตะไปสวนทางกันได้ นอกจากนี้การตะไปเล็บควรตะไปจากขอบเล็บเข้าหาปลายเล็บเสมอ
4.การขูดผิวเล็บ
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการพลัดเซลล์ผิว ทำให้เล็บเงางามขึ้น ผิวเล็บเรียบและดูมีสุขภาพดีขึ้น โดยให้ใช้อุปกรณ์ขูดลอกหน้าเล็บดันจากปลายเล็บเข้าหาโคนเล็บ หลังจากนั้นใช้แผ่นขัดเล็บซึ่งคล้ายกับกระดาษทรายขัดหน้าเล็บเบาๆ เพื่อให้ผิวเล็บเรียบสม่ำเสมอ แล้วใช้แผ่นขัดทำความสะอาดเล็บถูเบาๆ เพื่อให้ฝุ่นละอองและเศษเล็บที่มองไม่เห็นหลุดออกไป จากนั้นใช้แผ่นขัดเงาซึ่งมีเมลาตินเคลือบ อยู่ขัดถูบนหน้าเล็บบางๆ ก็จะได้เล็บที่เงางามดูมุขภาพดี
5.การับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การับประทานอาหารนั้นเป็นการรักษาเล็บจากภายในเอง เป็นสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนควรคำนึงถึง การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมนั้นช่วยให้เล็บของเราแข็งแรง และการที่เรารับประทานอาหารผักผลไม้เยอะนั้น จะทำให้เล็บเรามีสีชมพูดูแลมีสุขภาพที่ดีอีกด้วยเพราะฉะนั้นเราควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรงด้วย
เครดิต: www.dekdee.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)